ครบรอบ 59 ปี อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2506 ได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา จัดตั้งอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงขึ้น นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 3 ของประเทศไทย
ในโอกาสครบรอบวันเกิด เรามาร่วมกดหัวใจและ Happy Birthday ให้กับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่มอบความสุข ความสนุกสนาน ประสบการณ์ และทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่ามายาวนาน
กำเนิดอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ใจ
ทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติในดวงใจของใครหลายๆ คน ที่หลงมนต์เสน่ห์ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามทุ่งหญ้าสะวันนาผืนใหญ่แห่งเดียวในประเทศไทย ทั้งความงามของทุ่งหญ้า ดอกไม้ป่านานาพันธุ์ หมู่มวลพฤกษา ทะเลหมอก แสงสีทองจากทินกรยามเช้าและยามเย็นที่สาดส่องบนเรือนยอดของผืนป่า และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่หลากหลายชนิด แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า...“กำเนิดของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง” มีที่มาอย่างไร วันนี้เรานำเรื่องราวดีๆ มาฝากกัน
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2506 หรือราวครึ่งศตวรรษมาแล้ว นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 3 ของประเทศ รองมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มีเนื้อที่รวม 789,000 ไร่ หรือ 1,262.40 ตร.กม. ครอบคลุมเนื้อที่ถึง 5 อำเภอในเขตรอยต่อ 2 จังหวัด ได้แก่ อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และ อ.เขาค้อ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์
ชื่อ “ทุ่งแสลงหลวง” สันนิษฐานว่า มาจากชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่ง คือ “ต้นแสลงใจ” ซึ่งคาดว่าสมัยก่อนพบขึ้นอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ภายหลังได้มีผู้รู้ในท้องถิ่นมีความเห็นแย้ง โดยให้เหตุผลว่า ต้นแสลงใจมีชื่อเรียกตามภาษาถิ่นว่า “ต้นตูมกา” แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าเรียกชื่อทุ่งตูมกามาก่อน
ชื่อ “แสลง” จึงอาจมาจากคำศัพท์ที่พรานป่าในแถบนี้ใช้ในความหมายของการกระทำผิดต่อป่า หรือ “แสลงป่า” กล่าวคือ เป็นการประพฤติตนที่ไม่เหมาะสม ผิดข้อห้าม ในยามเข้าป่าออกล่าสัตว์ โดยเล่าขานกันในหมู่พรานว่า หากแม้ทำผิดป่าเพียงเล็กน้อยในทุ่งแห่งนี้ อาจเกิดอาเพศอย่างใหญ่หลวงขึ้นได้ จนกลายเป็นที่มาของ ชื่อ “ทุ่งแสลงหลวง” นั่นเอง
ต้นแสลง (Strychnos nux-vomica L.)
“แสลงใจ” เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูงตั้งแต่ 5-25 เมตร กิ่งก้านกลม เกลี้ยง สีเทาแกมเหลือง บางครั้งมีหนามใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปรี รูปไข่ กว้าง 3-9 ซม. ยาว 4-10.5 ซม. ปลายในมน ถึงเรียวแหลมและมักเป็นติ่งหนาม โคนใบมนกลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง มีเส้นใบหลัก 3-5 เส้นออกจากโคนใบ ดอกมีขนาดเล็ก สีเขียวอ่อนถึงขาว ออกรวมกันเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลายยอด ผลรูปกลม เมื่อสุกเป็นสีถึงแดง เปลือกหนาผิวมีขนสากถึงเกลี้ยง มี 1-4 เมล็ด เมล็ดรูปโล่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. มีขนคล้ายเส้นไหมคลุม
แม้จะมีข้อถกเถียงถึงที่มาของชื่อทุ่งแสลงหลวงว่ามาจากชื่อต้นไม้ชนิดนี้หรือไม่ จนอาจทำให้ใคร่รู้อยากพบเห็นต้นไม้ชนิดนี้จริงๆ เมื่อมาถึงทุ่งแสลงหลวง แต่เมื่อพบเจอแล้วก็อย่าได้ทดลองชิมผลสุกสีส้มของมันเป็นอันขาด เพราะเมล็ดเต็มไปด้วย สารสตริคนิน (Strychnine) ซึ่งเป็นพิษอย่างรุนแรงถึงตายได้ โดยมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการชักกระตุก เนื่องจากระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลายนั่นเอง
ข้อมูล : คู่มือการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช