ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เคารพและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาแล้วที่พวกเรา ต้องลงมือทำทันที
ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสำคัญต่างๆ
จะมีประชาชนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในอุทยานแห่งชาติที่มีการพักแรม หรือท่องเที่ยวน้ำตกแบบปิกนิค
ส่วนใหญ่จะนำอาหารเข้ามารับประทาน จนเกิดเป็นขยะจำพวกต่างๆ ตกค้างในเขตอุทยาน
ส่งผลต่อมลพิษสิ่งแวดล้อม ทัศนียภาพไม่น่ามอง
รวมถึงภาพลักษณ์ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยว
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญ
ตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์หลายครั้งที่ผ่านมา
จากเหตุการณ์สัตว์ป่าทั้งทางบกและทางทะเลต้องมาตายด้วยขยะพลาสติกที่อัดแน่นในกระเพาะอาหาร
ผลกระทบเหล่านี้กำลังสร้างปัญหาต่อชีวิตสัตว์ป่า ซึ่ง "สัตว์ป่า
ถือเป็นเจ้าของบ้านตัวจริงในพื้นที่เลยก็ว่าได้" เราเป็นผู้เข้าไปเยือน
ควรดูแลปกป้องความปลอดภัยให้พวกเขาด้วย
ดังนั้น
นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติทั้งหลาย เมื่อเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ
ขอความร่วมมือปฏิบัติตามกฎระเบียบของพื้นที่ ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟม
และบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
(ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 5 เม.ย. 65)
สำหรับขยะที่นอกเหนือจาก 5 สิ่งนั้น ขอความร่วมมือเข้าร่วมโครงการขยะคืนถิ่นกับทางอุทยานฯ
โดยจะแจกถุงดำให้ เพื่อใช้สำหรับเก็บขยะนำกลับออกมาด้วย รู้ไหม
การไปท่องเที่ยวแล้วถือขยะออกมาด้วยนั้น
บ่งบอกได้ถึงภาวะความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม
อันจะเห็นได้ว่า
ปัญหาขยะเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องหันหน้ามาช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ดังนั้น
การจัดการขยะที่ยั่งยืนและเห็นผลมากที่สุด จึงไม่ได้ขึ้นกับว่า
เรามีถังขยะรองรับได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรามีมาตรการเข้มแข็งแค่ไหน
แต่ขึ้นอยู่กับว่า "เรามีจิตสำนึกรับผิดชอบอย่างไรกับการบริโภคกินใช้
"
ในยุคท่องเที่ยววิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม..มาร่วมกันปลูกฝังนิสัย เกรงใจ เคารพและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าหากเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ระบบนิเวศของธรรมชาติก็จะคงความสวยงามและสร้างความสุขให้มวลมนุษยชาติได้ชื่นชมไปตลอดกาล...