ขอน้อมถวายอาลัย "สมเด็จพระพันปีหลวง" ย้อนภาพแห่งความทรงจำ...เมื่อพระเมตตาโอบอุ้ม "มเหสักข์" ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก

เนื่อง​ในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขอย้อนภาพแห่งความทรงจำ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ทอดพระเนตร "มเหสักข์" ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก ณ อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ บ้านปางเกลือ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าหนึ่งเดียวในโลกที่ปรากฏอยู่ ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็น อันดับ 1 สุดยอดต้นไม้มหัศจรรย์ของไทย
​ต้นมเหสักข์นี้ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 1,500 ปี ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยมีขนาดใหญ่โตน่าอัศจรรย์ ด้วยลำต้นมีเส้นรอบวงถึง 10.22 เมตร และมีความสูง 38.50 เมตร แม้ส่วนยอดจะถูกพายุพัดหักไปบ้าง แต่ลำต้นก็ยังคงอยู่ในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี
​พระมหากรุณาธิคุณได้แผ่ไพศาลมาถึงการอนุรักษ์ต้นสักนี้ เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรต้นสักใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2541 ได้พระราชทาน พระราชเสาวนีย์ อันเปี่ยมด้วยพระเมตตาว่า "ให้ช่วยกันบำรุงดูแลรักษาต้นสักใหญ่ ให้มีอายุยืนนานเท่าที่จะทำได้"
จึงได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบำรุงรักษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ "มเหสักข์" ยังคงเจริญเติบโตและแข็งแรงสมบูรณ์เป็นที่ประจักษ์
​อีกทั้งภายในบริเวณต้นสักใหญ่ ยังมีต้น "สักสมเด็จ" ซึ่งเป็นต้นสักที่พระองค์ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ ปัจจุบันได้เจริญงอกงาม และพร้อมเป็นแม่ไม้สำคัญของอุทยานฯ สืบไป
​ต่อมา ต้นสักใหญ่ต้นนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอีกครั้ง เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552 โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอันเป็นมงคลยิ่งว่า "มเหสักข์" ซึ่งหมายถึง "เทวดาผู้ใหญ่" เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวไทยมาจวบจนปัจจุบัน
ต้น "มเหสักข์" จึงเป็นสัญลักษณ์รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสายใยผูกพันระหว่างพระองค์กับผืนป่าและธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ตราบชั่วนิรันดร์